เมนู

ในเวลาที่เราจะต้องการน้ำ จะเป็นยอด
ภูเขา ยอดไม้ในอากาศ หรือพื้นดิน น้ำย่อม
เกิดแก่เราทันที
ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ เราได้ให้ทานใด
ในกาลนั้น ด้วยทานนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้
เป็นผลแห่งการให้น้ำเป็นทาน
เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว . . . คำสอน
ของพระพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระอุทกทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประ-
การฉะนี้แล.

จบอุทกทายกเถราปทาน

ปุฬินถูปิยเถราปทานที่ 8 (494)



ว่าด้วยผลแห่งการก่อเจดีย์ทราย



[88] ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมวันต์ มีภูเขา
ลูกหนึ่งชื่อว่า ยมกะ เราได้ทำอาศรมสร้างบรรณ
ศาลาไว้ที่ภูเขานั้น เราเป็นชฎิลผู้มีตบะใหญ่ มี
นามชื่อว่า นารทะ ศิษย์ 4 หมื่นคนบำรุงเรา
ครั้งนั้น เราเป็นผู้หลีกออกเร้นอยู่ คิด
อย่างนี้ว่า มหาชนบูชาเรา เราไม่บูชาอะไร ๆ
เลย

ผู้ที่จะกล่าวสั่งสอนเราก็ไม่มี ใคร ๆ ที่
จะตักเตือนเราก็ไม่มีอ เราไม่มีอาจารย์และอุปัชฌาย์
อยู่ในป่า
ศิษย์ผู้ภักดีพึงบำรุงเราก็ไม่มี ความเป็น
อาจารย์เช่นนั้นของเราไม่มี การอยู่ในป่าจึงไม่มี
ประโยชน์
สิ่งที่ควรบูชา เราควรแสวงหา สิ่งที่ควร
เคารพก็ควรแสวงหาเหมือนกัน เราจักชื่อว่าเป็น
ผู้มีที่พึงพำนักอยู่ ใคร ๆ จักไม่ติเราได้
ในที่ไม่ไกลอาศรมของเรา มีแม่น้ำซึ่ง
มีชายหาด มีท่าน้ำราบเรียบ น่ารื่นรมย์ใจ เกลื่อน
ไปด้วยทรายที่ขาวสะอาด ครั้งนั้น เราได้ไปยัง
แม่น้ำชื่อว่า อมริกา ตะล่อมเอาทรายมาก่อเป็น
เจดีย์ทราย
พระสถูปของพระสัมพุทธเจ้าผู้ทำที่สุด
ภพ เป็นมุนี ที่ได้มีแล้ว เป็นเช่นนี้ เราได้ทำ
สถูปนั้นให้เป็นนิมิต
เราก่อพระสถูปที่หาดทรายแล้วปิดทอง
แล้วเอาดอกกระดึงทอง 3 ดอกมาบูชา
เราเป็นผู้มีความอิ่มใจ ประนมกรอัญชลี
นมัสการทั้งเวลาเย็นเวลาเช้า ไหว้พระเจดีย์ทราย

เหมือนถวายบังคมพระสัมพุทธเจ้าในที่เฉพาะพระ
พักตร์ ฉะนั้น
ในเวลาที่กิเลสและความตรึกเกี่ยวด้วย
กามเกิดขึ้น เราย่อมนึกถึง เพ่งดูพระสถูปที่ได้
ทำไว้ เราอาศัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้นำสัตว์
ออกจากที่กันดาร ผู้นำชั้นพิเศษ ตักเตือนตนว่า
ท่านควรระวังกิเลสไว้ แน่ะท่านผู้นิรทุกข์ การ
ยังกิเลสให้เกิดขึ้นไม่สมควรแก่ท่าน
ครั้งนั้น เมื่อเราคำนึงถึงพระสถูป ย่อม
เกิดความเคารพขึ้นพร้อมกัน เราบรรเทาวิตกที่
น่าเกลียดเสียได้ เปรียบเหมือนช้างตัวประเสริฐ
ถูกเครื่องแทงหูเบียดเบียน ฉะนั้น
เราประพฤติอยู่เช่นนี้ได้ถูกพระยามัจจุ-
ราชย่ำยี เราทำกาลกิริยา ณ ที่นั้นแล้ว ได้ไป
ยังพรหมโลก
เราอยู่ในพรหมโลกนั้นตราบเท่าหมดอายุ
แล้วมาบังเกิดในไตรทิพย์ ได้เป็นจอมเทวดา
เสวยราชสมบัติในเทวโลก 80 ครั้ง
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 300 ครั้ง และ
ได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์ โดยคณนา
นับมิได้


เราได้เสวยผลของดอกกระดึงทองเหล่า
นั้น ดอกกระดึงทอง 22,000 ดอกแวดล้อมเรา
ทุกภพ
เพราะเราเป็นผู้บำเรอพระสถูปฝุ่นละออง
ย่อมไม่ติดที่ตัวเรา เหงื่อไม่ไหล เรามีรัศมีซ่าน
ออกจากตัว
โอ พระสถูปเราได้สร้างไว้ดีแล้ว แม่น้ำ
อมริกา เราได้เห็นหมดแล้ว เราได้บรรลุบทอันไม่
หวั่นไหว
ก็เพราะได้ก่อพระสถูปทราย อันสัตว์ผู้
ปรารถนาจะกระทำกุศลควรเป็นผู้ยึดเอาสิ่งที่เป็น
สาระ ไม่ใช่เป็นด้วยเขตหรือไม่ใช่เขต ความ
ปฏิบัตินั่นเองเป็นสาระ
บุรุษผู้มีกำลัง มีความอุตสาหะที่จะข้าม
ทะเลหลวง พึงถือเอาท่อนไม้เหล็ก วิ่งไปสู่ทะเล
หลวง ด้วยคิดว่า
เราอาศัยไม้นี้จักข้ามทะเลหลวงไปได้
นรชนพึงข้ามทะเลหลวงไปด้วยความเพียรอุตสาหะ
แม้ฉันใด
เราก็ฉันนั้นเหมือนกัน อาศัยกรรมเล็ก ๆ
น้อย ๆ ที่ได้ทำไว้แล้ว จึงข้ามพ้นสงสารไปได้

เมื่อถึงภพสุดท้าย เราอันกุศลมูลตักเตือน
แล้วเกิดในสกุลพราหมณ์มหาศาลอันมั่งคั่ง ใน
พระนครสาวัตถี
มารดาบิดาของเรา เป็นคนมีศรัทธา
นับถือพระพุทธเจ้า ท่านทั้งสองนี้ เป็นผู้ฟัง
ทิฏฐิธรรมแล้ว ประพฤติตามคำสอน
ท่านทั้งถือเอาผ้าลาดสีขาว มีเนื้อ
อ่อนมาที่ต้นโพธิ์ ได้ทำพระสถูปทองนมัสการใน
ที่เฉพาะพระพักตร์แห่งพระศากยบุตร ทุกเย็นเช้า
ในวันอุโบสถ ท่านทั้งสองนำเอาพระ-
สถูปทองออก กล่าวสรรเสริญคุณพระพุทธเจ้า
ยับยั้งอยู่ตลอด 3 ยาม เราได้เห็นพระสถูปเสมอ
จึงจะระลึกถึงเจดีย์ทรายขึ้นได้ นั่งบนอาสนะ
เดียว ได้บรรลุอรหัตแล้ว.
จบภาณวารที่ 22
เราแสวงหาพระพุทธเจ้าผู้เป็นนักปราชญ์นั้น
อยู่ ได้เห็นพระธรรมเสนาบดี จึงออกจากเรือน
บรรพชาในสำนักของท่าน
เราได้บรรลุอรหัตแต่อายุ 7 ขวบ พระ-
พุทธเจ้าผู้มีพระปัญญาจักษุ ทรงทราบถึงคุณวิเศษ
ของเราจึงให้เราอุปสมบท

เรามีการกระทำอันบริบูรณ์ดีแล้ว แต่
ยังเป็นทารกอยู่ทีเดียว ทุกวันนี้กิจที่ควรทำใน
ศาสนาของพระศากยบุตร เราทำเสร็จแล้ว
ข้าแต่พระฤาษีผู้มีความเพียรใหญ่ สาวก
ของพระองค์เป็นผู้ล่วงพ้นเวรภัยทุกอย่าง ล่วงพ้น
ความเกี่ยวข้องทั้งปวง นี้เป็นผลแห่งพระสถูปทอง
เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว. . .คำสอน
ของพระพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระปุฬินถูปิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้แล.

จบปุฬินถูปิยเถราปทาน

นฬกุฏิกทายกเถราปทานที่ 9 (499)



ว่าด้วยผลแห่งการสร้างกุฏิไม้อ้อ



[89] ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมวันต์ มีภูเขา
ลูกหนึ่งชื่อหาริกะ ครั้งนั้นพระสยัมภูพระนามว่า
นารทะ ประทับอยู่ใกล้ต้น
เราทำเรือนไม้อ้อแล้วมุงด้วยหญ้า เราได้
ชำระที่จงกรมถวายพระสยัมภู
ด้วยกรรมที่ได้ทำดีแล้ว และด้วยการ
ตั้งเจตน์จำนงไว้ เราละร่างมนุษย์แล้วได้ไปสวรรค์
ชั้นดาวดึงส์